เป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมอีกเล่มหนึ่ง ซึ่งผมยังไม่มีโอกาสได้อ่าน แต่ได้ฟังการสรุปจากดร.บุญชัย โกศลธนากุล ซึ่งสรุปไว้ได้ดีมาก เสริมแง่คิดต่างๆตามประสบการณ์ของอาจารย์ เลยอยากจะสรุปเรียบเรียงความคิดซักครั้งหนึ่ง ซึ่งไหนๆก็สรุปแล้วก็อยากจะแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านไปด้วยพร้อมๆกัน หากมีตรงไหนผิดพลาดประการใดพร้อมจะน้อมรับฟังทุกข้อคิดเห็น
หนังสือเล่นนี้ใช้เวลาเขียนถึง 20 ปีเพื่อที่จะสัมภาษณ์คนสำเร็จมากมายจนสรุปเก็นกฎทองคำ (Golden laws) 16 ข้อด้วยกันในบทความนี้จะขอเริ่มแค่ 2 ข้อแรกก่อนนั้นคือ อภิจิตและเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอน
"ท่านทำได้ ถ้าท่านคิดว่าท่านทำได้"
ข้อที่ 1 อภิจิต
อภิจิตคือจิตที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ที่มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ความจริงใจต่อกัน คิดดีต่อกันมากกว่า 2 คนขึ้นไปมารวมกัน เพื่อทำงานบางอย่างให้ประสบความสำเร็จ และยิ่งใหญ่ได้
เหมา เจ๋อตุง ก็ยังเคยบอกไว้ว่า "จิตที่หลอมเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติ มนุษย์สามารถเคลื่อนภูเขาได้ เปลี่ยนทางเดินของแม่น้ำได้"
เพราะเราไม่ใช้ยอดมนุษย์เราสามารถที่จะจิตตกได้ แต่ถ้ามีคนอีกคนหนึ่งคอยช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน คอยฉุดเราขึ้นมาจากวังวนอกุศลทั้งหลายทั้งปวง เราต้องหา Partners ให้ได้
ฝรั่งมีคำหนึ่งที่สำคัญคือ จงแต่งงานกับคนที่เหมาะสมกับเรา (Marry the right person) คือคนที่เวลาเราอยู่ใกล้ ใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมีแต่ความสุข >> จนเกิดความสงบภายใน >> ทำให้จิตสามารถมองทุกอย่าง ด้วยความเป็นจริง ชัดเจนได้ ทำเช่นนี้จะมีผลดีผลเสียอย่างไรบ้าง >> เกิดปัญญาขึ้น
ศีล 5 จำเป็นมากๆเลยโดยเฉพาะข้อ 3 และข้อ 4 ถ้าข้อ 3 ผิดข้อ 4 จะตามมาโดยอัตโนมัติเลย จิตจะไม่มีความสงบ กลุ่มอกกลุ่มใจ ระแวง เราจะมีความสุขได้อย่างไร? เราจะต้องรู้ผลกรรมของเราจะเกิดอะไรขึ้น ใช้ทฤษฎี Consequentialism ลองสร้างมโนภาพดูว่าผลจะเกิดอะไร แล้วตัวเรารับผลนั้นได้หรือเปล่า เมื่อนั้นการทำผิดจะสลายหายไป (ให้ศีล 5 เป็นพื้นฐานของทุกอย่างก่อน)
สิ่งที่เหมือนกันย่อมดึงดูดกัน กลุ่มที่นินทาว่าร้ายมักจะจับกลุ่มกัน ขงจื้อบองไว้ว่า "จะคบใครอย่างน้อยที่สุดต้องมีจิตที่เท่าเราหรือสูงกว่าเรา" จิตของคนเรามักจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ เราต้องหากัลยาณมิตร มีความเมตตากรุณา ความซื่อตรง ซื่อสัตว์ ไม่หลอกลวง
หาให้เจอคนที่คิดว่าเราจะสามารถแชร์จินตนาการของเราได้ สร้างฝันเราให้เป็นจริง ควรจะมีคุณธรรมสูงหรือเท่ากับเรา ทำให้จิตวิญญาณของเราสูงขึ้น
ผู้นำจะต้องหล่อหลอมความรู้สึกของทุกคน เป็นเนื้อเดียวกันได้ แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน Team work จะเกิดขึ้นได้หัวหน้าต้องดีเสียก่อน ต้องเอื้ออาทร เข้าอกเข้าใจคนอื่นเป็นอย่างดี No One man show
เรื่องตลกคนไทย 1 คนแข่งกับคนญี่ปุ่น 1 คนคนไทยชนะ แต่ถ้าคนไทย 5 คนเจอกับคนญี่ปุ่น 5 คนคนไทยแพ้ เพราะคนไทยทะเลาะกัน กลับไปสู่ความเป็นไทยจริงๆ พูดให้นุ่มนวล ค่อยๆพูด ตัวสติจะทันสิ่งที่เราพูด ปิยะวาจา ค่อยๆพูดทุกอย่างจะราบลื่น
Logic Lead to Conclusion, but Emotion Lead to Action ผู้นำต้องสามารถพูดบางอย่างที่บาดเข้าไปในจิตใจของพนักงานหรือลูกน้อง ให้อยากที่จะมาร่วมงานกัน นี้หละคือหน้าที่ของผู้นำ ต้องใช้มโนภาพว่าพูดจุดไหนถึงจะเร้าอารมณ์
ข้อที่ 2 เป้าหมายที่สำคัญและแน่นอน
ชีวิตที่ปราศจากเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอน มันไม่ต่างอะไรจากขอนไม้ที่ลอยไปมาอยู่บน พื้นผิวของแม่น้ำ ลมพัดซ้ายก็ไปซ้าย ลมพัดขวาก้ไปขวา ลมพัดแรงก็หมุนติ้ว เริ่มถามคำถาม The Hard Question ว่าอีก 5 ปี 10 ปีคุณอยากมีอะไร คุณอยากเป็นอะไร ถ้าไม่มีเป้าหมายชีวิตมันไม่ Enjoy ถ้าเรามีเป้าหมายเราทำงานก็จะมีกำลังใจ เพราะเราจะรู้ว่างานที่เราทำ เป็นบันไดอีกก้าวหนึ่งเพื่อไปสู่จุดหมาย
การจะหาเป้าหมายให้เจอเราต้องถามตัวเองว่า เรามีความถนัดอะไร เราชอบเรื่องอะไร ลูกบอลสองลูกความชอบกับความถนัด ต้องมีการประสานกันอย่างลงตัว เราจึงจะประสบความสำเร็จ เป็นความปรารถนาที่แรงกล้าจากหัวใจ ไม่ใช่จากสมอง มันกินลึกอยู่นานและไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ถ้าเป็นสมองเราคิดนุ้นนี้ วันนึงฟุ้งซ้านหกหมื่นเรื่อง
ความชอบเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีความถนัดยากที่จะเจริญก้าวหน้า ถ้า"เราต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ ยากแท้ที่จะเจริญและมั่นคง"
หลายคนไม่รู้ว่าตนเองชอบอะไร ขอให้หัดมองความรู้สึกบ่อยๆ ตากระทบสิ่งนี้เกิดความชอบหรือไม่ชอบ เราจะรู้ว่าเราชอบอะไรต้องหัดมองความรู้สึกบ่อยๆ เราจะรู้ว่าเราชอบอะไรให้ตั้งมั่นในสิ่งนั้น สิ่งที่เราชอบจะทำให้เกิด >> ฉันทะ >> จิตตะ >> วิริยะ >> วิมังสา วิ่งครบกันหมดเลยอิทธิบาท 4 เลย
สิ่งที่เราจะได้รับแน่นอนเลยเมื่อเราโฟกัสแล้ว เราจะเกิดความกระตือรือร้น ดั่งแสงแดดที่ผ่านกระจกนูน กระดาษต้องไหม้ และเราจะมีความสุข คนมาแทะมาว่ามาจิกเรา เราก็ไม่สนใจหลอก เพราะมันเสียเวลา และจิตเราจะมีพลังสมาธิ เกิดจุดสติ เพราะจิตรู้ว่าเรากำลังจะทำอะไรอยู่ แค่คำว่าเป้าหมายตัวเดียวทำให้จิตรวมเป็นหนึ่งได้
เป้าหมายที่ดีนั้นชัดเจนมากๆ จะต้องเป็นมโนภาพ มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้วว่า จิตมนุษย์จะสื่อถึงจิตใต้สำนึกได้ผ่านทางภาพหรือมโนภาพ ให้เราเขียนใส่กระดาษและแปะติดไว้ในห้องนอน เห็นไปเรื่อยๆ มองไปเรื่อยๆ ทำให้เรามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในเป้าหมายของเรา ทุกเสียงที่ผ่านมาได้ยิน ทุกภาพที่เราเห็น ทุกกลิ่นที่เราได้ดม ทุกรสที่เราได้สัมผัส ทุกความรู้สึกที่เราสัมผัส จะเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกได้อย่างรวดเร็ว การตัดสินใจต่างๆเกิดจากจิตใต้สำนึกเลย ให้ Visualization สร้างมโนภาพห้เกิดขึ้นภายในหัวของเรา มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ได้คิดด้วยภาพจึงติดอยู่กับงานประจำหลายสิบปี
เป้าหมายที่ดีต้องเพื่อคนอื่นด้วย ไม่ใช่เพื่อตนเองอย่างเดียว ทำเพื่อองค์กร เพื่อนร่วมงาน จิตจึงเป็นจิตที่ใหญ่มาก Think Big คิดถึงผู้อื่นจริง เดี๋ยวคุณก็ได้ผลประโยชน์เอง ถ้าเราทำเพื่อความกินดีอยู่ดี ของเพื่อนมนุษย์ เพื่อความสุขความเจริญของคนรอบข้าง ไม่เรารัดเอาเปรียบ จะเป็นพลังจิตที่สูงสุด ไม่มีใครเอาชนะได้
แต่เท่านั้นยังไม่พอเราต้องมีกลยุทธ์ (Strategy) มีกี่ขั้นตอน แต่เท่านี้ก็ยังไม่พอเราจะต้องมีแผนสำรอง (Contingency Plan or Exit Plan) ทุกอย่างมันไม่ง่ายปานนั้นหลอก ทุกอย่างจะมีอุปสรรคมาขวางกั้นเสมอ
คนเราตายไปลงแค่โรงศพและก็จบไป สิ่งที่เหลือคือชื่อเราผู้คนจะยิ้มแย้มแจ๋มใส ผู้คนเสียใจที่เราจากไป จิตมีเป้าหมายในชีวิต ชีวิตน่าอยู่ สนุกขึ้น
1. เป้าหมายต้องมีความท้าทาย ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่หรือเหมือนคนอื่น "ความงดงามของธรรมชาติ คือความหลากหลายของมนุษย์" ถ้าฉลาดอย่าไปอิจฉาเป้าหมายคนอื่น ความรู้เต็มไปหมดในหัวเราจะแปลงเป็นเงินได้อย่างไร
2. ห้ามลักทรัพย์ คนที่ลักขโมยจิตจะไม่สงบ ชีวิตจะไม่เจริญ
หัดตั้งคำถามด้วยจิตที่สงบๆสบายๆ การตั้งคำถามที่ดีเพียง 1 คำถามดีกว่าการมีคำตอบ 100 คำตอบเสียอีก
ขอขอบคุณ ดร.บุญชัย โกศลธนากุล มา ณ ที่นี้ด้วย
J. Burananit
No comments:
Post a Comment