Friday, July 24, 2015

เรื่องเล่าของคานธี


วันนี้ได้มีโอกาสฟังเรื่องราวจาก Mr.Jeff Li ผู้ก่อตั้ง KIPP มีเรื่องหนึ่งที่กินใจผมมากและอยากจะแบ่งปันให้เพื่อนๆ คุณลีอธิบายให้เราเข้าใจถึงคำว่า "Be the change" โดยเล่าในสิ่งที่ผมกำลังจะเล่าซ้ำอีกครั้งต่อไปนี้

มีเด็กอยู่คนหนึ่งชอบกินน้ำตาลมาก แม่รู้ว่าถ้าเป็นเช่นนั้นต่อไปมันจะไม่ดีแน่ เลยพยายามทำทุกวิธีแต่ก็ไม่สามารถทำให้เด็กคนนี้เลิกกินน้ำตาลได้ แต่แม่รู้ว่าคานธีเป็นไอดอลของเด็กคนนี้ ถ้าให้คานธีบอกให้เลิกกินน้ำตาล เขาคงจะฟังและทำตามแต่โดยดี

แม่และเด็กก็ได้เดินทางไปไกลเพื่อไปหาท่านมหาตมา คานธี แม่ขอให้คานธี ช่วยบอกเด็กคนนี้ทีเถิดให้เขาเลิกกินน้ำตาลเสียที ท่านคานธีมองหน้าแม่และมองหน้าเด็ก แล้วบอกกลับไปว่าให้ทั้งคู่กลับไปก่อนแล้วอีก 2 สัปดาห์ค่อยกลับมาหาใหม่

แม่ก็งงมาก แต่คานธีพูดอะไรทุกคนก็จะฟัง ทั้งคู่จึงกลับไปผ่านไป 2 สัปดาห์เด็กก็ยังคงกินน้ำตาลอยู่ แม่และเด็กจึงกลับไปหาคานธีใหม่ แล้วบอกว่ารอไป 2 สัปดาห์แล้วเจ้าหนูยังไม่เลิกกินน้ำตาลเลย ท่านคานธีก็มองหน้าแม่แล้วหันไปหาเด็กน้อยแล้วพูดว่า เจ้าหนูเลิกกินน้ำตาลเถอะ เด็กน้อยพยักหน้าแล้วเดินกลับไป

แม่ก็งงมากขึ้นไปอีก งงเหมือนกับที่พวกเราทุกคนกำลังงงอยู่ตอนนี้ นี้มันปริศนาธรรมอะไรกันแน่ ทำไมท่านไม่บอกให้เด็กน้อยเลิกน้ำตาลในครั้งแรกที่เจอทำไมต้องให้ทั้งคู่ลำบากเดินกลับไปกลับมา

ท่านก็บอกว่า เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วท่านบอกให้เด็กเลิกน้ำตาลไม่ได้หลอก แต่ตอนนี้ท่านทำได้แล้วเพราะท่านได้เลิกทานน้ำตาลแล้ว

อันที่จริงเรื่องนี้ผมเคยได้ยินมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ไม่รู้ซึ้งกินใจเท่าครั้งนี้ ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องนี้แทบจะนำมาใช้ได้ทันที่ ไม่ไกลตัวมากนักเราอยากให้คนที่เราทำงานด้วยมาตรงเวลา แต่ถามว่าตัวเราเป็นคนตรงต่อเวลาหรือไม่

สุดท้ายแล้วเราลองกลับไปอ่าน Quote ที่เป็นรูปของบทความนี้ดู เราจะเข้าใจเรื่องนี้กระจ่างในทันที :D

No comments:

Post a Comment