Saturday, August 15, 2015

The Law of Success - Napolean Hill (อธิบายโดย ดร.บุญชัย โกศลธนากุล) [ข้อที่ 7 - 9]


กลับมาต่ออีก 3 ข้อซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ให้เหตุผลว่า เราจะต้องมีคุณลักษณะต่างๆเหล่านี้อย่างไร บางครั้งผมก็คิดว่าตัวเองนั้นรู้แล้วสำหรับเรื่องเหล่านี้ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ตอกย้ำว่าโลกใบนี้นั้นมันใหญ่ยิ่งนัก มีสิ่งที่เราต้องรู้แต่ไม่รู้อีกมากมาย ค่อยๆฝึกกันตามคำแนะนำของหนังสือเล่มนี้ไปด้วยกันนะครับ :)

ข้อที่ 7 ความกระตือรือร้น

คนจะประสบความสำเร็จได้จะต้องมี ความกระตือรือร้น (Enthusiasm) ให้คิดถึงเวลาที่เราเจอคนที่มีความกระตือรือร้น เราอยากมอง เราอยากฟัง เพราะแต่ละอย่างที่ออกมาจากคนที่มีความกระตือรือร้นนั้นน่าสนใจไปหมดเลย มีเสน่ดึงดูดคนรอบข้าง สามารถกระเทือนจิตใจของคนรอบข้างได้หมด โน้มน้าวใครได้ง่ายมากเลย สุขภาพก็ดีด้วย เพราะกายกับจิตนั้นสัมพัทธ์กัน

พูดถึงเรื่องความกระตือรือร้น ใครๆก็ชอบหมดแต่ถามว่าจะสร้างมันได้อย่างไร?

จะต้องสร้างความรัก ความพอใจ ความผูกพันกับงานที่เราทำอยู่
งานที่เราทำนั้นต้องเป็นงานที่เราชอบ สร้างคุณค่าต่อสังคม ต่อองค์กร ต่อครอบครัวของเราและต่อตัวเอง
เอาความรู้สึกของตัวเองตรวจสอบ งานที่เราทำเรามีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์หรือไม่ ความจริงจัง

ถ้าเราไม่มีทางเลือกงานที่เราทำไม่ได้เป็นงานที่เราชอบ ให้มองว่างานนั้นเป็น Stepping stone ได้ไหม เป็นบันไดแต่ละขั้นที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ สิ่งที่เราทำอยู่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินไปสู่จุดหมาย ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันทะจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หลายๆครั้งฉันทะไม่ได้เกิดขึ้นเอง เช่นบางครั้งเป็นไปได้ที่เราจะอยู่กับใครสักคนหนึ่งที่เราไม่ได้ชอบมาก แต่อยู่ไปปรากฎว่าเข้ากันได้ ไปด้วยกันได้ หรือเราเป็นเจ้าของกิจการแล้วต้องทำบัญชี เราได้ประโยชน์จากสิ่งนั้น เราก็พร้อมที่จะเรียนรู้ เตือนตัวเองในสิ่งนั้น (Remind)

ได้เจอกับคนที่มีความกระตือรือร้นด้วยกัน
ประสบความสำเร็จในการหาเงินหาทอง เพราะคนสำเร็จประเภทนี้จะเห็นอะไรเป็นรูปธรรม
สุขภาพที่ดี ถึงจิตใจเราจะเข้มแข็งขนาดไหน แต่ถ้าร่างกายป่วยไป จิดใจก็พลอยจะร่วงโรยตามไปด้วย ยกเว้นว่าคุณสำเร็จเป็นพระอรหันต์ -/\- ควรออกกำลังกายซะหน่อย ร่างกายจำเป็นมากๆ กายกับจิตเป็นเนื้อเดียวกัน
มีความรู้สึกภูมิใจ (Self-esteem) ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่เนี่ย มันมีประโยชน์ต่อสังคม มีประโยชน์ต่อองค์กร คิดให้ใหญ่ (Think Big)

*เราต้องลืมอดีตทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจของเรา คนส่วนใหญ่มักจะแบกอารมณ์อยู่ตลอดเวลา เหมือนมีโซ่คอยตรึงเราอยู่ เวลาเราทำกิจกรรมต่างๆเราไม่รู้หลอกว่าเราแอบเอาความคิดไม่ดีติดมาด้วย จิตไปเกาะอยู่ในเรื่องที่กังวลใจ ทำให้คนเรามองแต่ไม่เห็น ฟังแต่ไม่ได้ยิน

ในเวลาที่ทำงาน จัดการกับปัญหาไม่ควรเอาความฟุ้งซ่านมาด้วย (คนเราปกติฟุ่งซ่านวันละหกหมื่นเรื่อง!) มันจะคอยฉุดกระชากเราไว้ ทำงานให้มีสติไปคอยกำหนด ลืมปัญหาคาในทั้งหมดเวลาทำงาน ความกระตือรือล้นจะเกิดขึ้นได้

*จิตจะต้องใหญ่พอ ทำอะไรบางอย่างหรือคิดเพื่อคนอื่นตลอดเวลา จิตจะกว้างใหญ่ไพศาล เวลามีคนทำผิดต่อเราที่ไม่ได้ส่งผลร้ายกับเรามาก เราจะให้อภัยและปล่อยเขาไป เราจะเกิดความกระตือรือร้นขึ้นเพราะเราไม่สะสมจิตที่อึดอัด จิตโทษะ

ทุกนาทีจิตใจเราสร้างทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม จิตใจที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้น มักจะสร้างแต่อกุศลกรรม ทำให้เราตกเป็นทาสของกิเลส ปัญหา อุปาทาน เลือกตัวสติให้จิตคิดแต่กุศลกรรม ทำให้เรามีความสุขขึ้นเรื่อยๆ กระตือรือร้นขึ้นเรื่อยๆ การจะปรับสิ่งต่างๆต้องปรับที่ใจก่อน จะต้องมีสัมมาทิฏฐิให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้

สัมมัปปธาน 4
1) ความคิดที่ไม่ดีไม่ชอบ ตัดทิ้งไปเลย อย่าไปคิดต่อ [เกิดขึ้นมาเอง]
2) อย่าไปดึงสิ่งที่ลบ (Negative) มาคิด [ตั้งใจให้เกิดขึ้น]
3) ดึงสิ่งที่มีประโยชน์ขึ้นมาคิด [ตั้งใจให้เกิดขึ้น] ชีวิตเราเองจะปรับปรุงพัฒนาตนเองได้อย่างไร
4) รักษาความคิดที่ดีให้คงอยู่ต่อไป

*ความกระตือรือร้นสำคัญมากสำหรับผู้นำ ผู้นำอยากให้ลูกน้องขยันขันแข็งมีความกระตือรือร้น คำถามคือตัวเรามีความกระตือรือร้นแล้วหรือยัง เราจะสามารถสร้างทีมเวิคได้

ข้อที่ 8 การควบคุมตนเอง

การควบคุมตนเอง (Self-control) คนเราทำดีมาร้อย มาพันครั้ง แต่เราระเบิดลงเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างที่ดีจะเสียหมด คนจะด่าทอ โจกจันในสิ่งไม่ดีที่เราทำ มนุษย์มักจะจำสิ่งที่ไม่ดีของคนอื่น

1) ควบคุมอารมณ์ของตนเอง อย่าไปทะเลาะกันเลย ความโกรธเอาชนะความโกรธไม่ได้ หากเรามีอำนาจมากกว่า เขาอาจจะยอมเราแต่ใจเขาไม่มีทางยอมเราแน่ การทำสิ่งต่างๆอย่างมีสติ คนจะรักและสรรเสริญ ถ้าเราควบคุมอารมณ์ไว้ได้เนี่ยเราจะมีพรหมวิหาร 4 คือมีเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา

ถ้าสภาวะจิตใจข้างในโล่งโปร่งสบาย การมองหรือแสดงออกจะสะท้อนความเป็นจริงของรอบข้าง ให้ภาวะในใจของเราโล่งโปร่งสบาย ในทางกลับกันถ้าจิตเราโกรธ อึดอัดหรือโลภเนี่ย สิ่งต่างๆที่เรามองอยู่หรือแสดงออกเนี่ยก็บิดเบือนจากความเป็นจริงแล้ว
"จงยังประโยชน์ปัจจุบันให้สูงสุด ด้วยความไม่ประมาทเถิด"
- พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เทศน์ไว้ก่อนปรินิพานว่า

เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลย เราจะอยู่กับปัจจุบันได้จิตใจของเราต้องโล่ง โปร่ง สบายก่อน ให้นานที่สุด มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในยามที่เราประคองจิตมันกัน หลังจากนั้นจิตจะเรียนรู้ได้เอง จิตนั้นฉลาดนะ

คนที่ควบคุมตัวเองได้จะถือว่าเป็นคนที่มี EQ สูงสุด ต้องตั้งจิตให้ได้ก่อนว่าจะไม่ปล่อยให้ระเบิดลง ต้องตั้งตั้งจิตก่อนว่าสามารถรับได้ทุกสภาวะ ทุกสถานการณ์

"I can embrace all kind of contradictions"
 - เลโอนาร์โด ดา วินชี

ข้าพระเจ้ารับได้กับความขัดแย้งทุกรูปแบบ จะไม่มีการทำร้ายตัวเอง ทำจิตใจเราให้ตั้งตรงนิ่งก่อน

2) ให้มองถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาก่อน (Consequential outcome) ว่าสิ่งที่จะตามมานั้นคืออะไร
3) การตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้เลย ถ้าเราระเบิดลงมันจะทำลาย เป้าหมายของเราอย่างไร เตือนตัวเองตลอดเวลา
4) ทำอะไรเบาๆหน่อย ทำอะไรให้ช้าลงได้ไหม เบาลงได้ไหม คนเดี๋ยวนี้ทำอะไรวุ่นวายไปหมด ผลที่ตามมาก็คือจิตไม่มีสติ จิตไม่มีสมาธิ ฟุ้งซ่าน

คนฉลาดจะรู้ว่าเมื่อไรควรจะปล่อยวาง แล้วอะไรหละคือสิ่งที่จะบอกว่าเราควรจะจริงจังตอนไหน ปล่อยวางตอนไหน นั้นคือความรู้สึกนั้นเอง

ความอดทนเป็นบารมีสูงสุดของพระโพธิสัตว์ พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ายกย่องความอดทนว่า เป็นบารมีที่เหนือสิ่งอื่นใด อดทนไม่ตอบโต้ต่อสิ่งที่มัวหมอง ง่ายสุดคือหายใจลึกๆ แล้วเราก็จะมีความสุข

ข้อ 9 นิสัยทำงานนเกินเงินเดือน

ห้ามคิดเช้าชามเย็นชามตลอด อย่าคิดว่าทำงานเงินเดือนแค่นี้จะเอาอะไรมากนัก เพราะชีวิตเราจะเบื่อหน่ายทำสักแต่ว่า ให้มีเงินเพียงพอมาจุนเจือชีวิตและครอบครัว

นิสัยทำงานเกินเงินเดือนทำให้ เรากระตือรือร้น และก่อนจะกระตือรือร้น ต้องสร้างความรักในงาน
งานแต่ละชิ้นควรทำงานให้ได้ A, A+ ตลอดไม่ว่างานนั้นจะต่ำต้อยแค่ไหน เพราะเราจะได้ทักษะแต่ละด้าน แต่ละส่วนในระดับที่สูงสุด ต้องมองให้ออกว่าสิ่งที่เราทำอยู่เป็น บันไดขั้นที่เท่าไรสู่ความสำเร็จ

ขอขอบคุณ ดร.บุญชัย โกศลธนากุล มา ณ ที่นี้ด้วย
เรียบเรียงใหม่โดย J. Burananit

No comments:

Post a Comment